ภาษีคนรวย VS ภาษีเงินเดือน
รายได้เท่ากัน แต่เสียภาษีไม่เท่ากัน!? หลายคนสงสัยว่าทำไมผู้ที่มีความมั่งคั่งสูงจึงมีภาระภาษีต่ำกว่าผู้มีรายได้สูงที่เป็นพนักงานกินเงินเดือน ทั้งที่รายได้รวมอาจเท่ากัน นี่คือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงสร้างภาษีของประเทศไทย ที่มีการจัดเก็บรายได้ต่างประเภทในอัตราที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
admin
11/6/2025


💰 เจาะลึกความแตกต่างของอัตราภาษี
1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (สูงสุด 35%)
เงินเดือน (มาตรา 40(1)) เป็นรายได้ที่ถูกจัดเก็บตามอัตราภาษีแบบก้าวหน้า (Progressive Rate) โดยมีอัตราสูงสุดถึง 35% เลยทีเดียว สำหรับเงินได้สุทธิส่วนที่เกิน 5,000,000 บาทต่อปี นี่คือภาระภาษีที่หนักที่สุดสำหรับกลุ่มผู้บริหารระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญที่รับเงินเดือนสูง เนื่องจากมีตัวเลือกในการหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนที่จำกัด
5. การส่งต่อมรดก (วงเงินยกเว้น 100 ล้านบาท)
กฎหมายภาษีการรับมรดกของไทยมีจุดยกเว้นที่สำคัญ:
ยกเว้นภาษี: มรดกที่มีมูลค่าสุทธิรวม ไม่เกิน 100,000,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษีมรดก
อัตราภาษีต่ำ: ส่วนของมรดกที่เกิน 100 ล้านบาทขึ้นไป จะถูกเก็บภาษีในอัตรา 5% สำหรับผู้รับที่เป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดาน และ 10% สำหรับบุคคลอื่น ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามาก
2. กำไรนิติบุคคล (สูงสุด 20%)
ผู้มีรายได้สูงส่วนใหญ่มักเลือก จดทะเบียนบริษัท เพื่อให้รายได้เข้าสู่ระบบภาษีเงินได้นิติบุคคลแทน:
อัตราภาษีคงที่ที่ต่ำกว่า: อัตราภาษีสูงสุดของนิติบุคคลคือ 20% ซึ่งต่ำกว่าอัตราสูงสุดของบุคคลธรรมดาที่ 35%
หักค่าใช้จ่ายได้จริง: นิติบุคคลถูกเก็บภาษีจาก กำไรสุทธิ เท่านั้น โดยสามารถนำรายจ่ายทางการค้าหรือการดำเนินธุรกิจมาหักออกจากรายได้ก่อนคิดภาษี ทำให้ฐานภาษีลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ
3. รายได้จากทรัพย์สินและการลงทุน (10 - 15%)
รายได้ที่เกิดจากทรัพย์สินหรือการลงทุนมักถูกจัดเก็บในอัตราที่ต่ำกว่ามาก:
ดอกเบี้ย: รายได้ดอกเบี้ย เช่น จากเงินฝาก พันธบัตร หรือหุ้นกู้ จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% และผู้รับสามารถเลือกที่จะไม่นำไปรวมยื่นภาษีปลายปีได้ (Final Tax)
เงินปันผล: รายได้จากเงินปันผลที่ได้รับจากบริษัทที่จดทะเบียนในไทย จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 10% และผู้รับสามารถเลือกที่จะไม่นำเงินส่วนนี้ไปรวมคำนวณภาษีปลายปีได้ (Final Tax) ทำให้ภาระภาษีถูกจำกัดไว้ที่ 10% ทันที
บทสรุป
ความแตกต่างของอัตราภาษีเหล่านี้ทำให้ผู้ที่มีความมั่งคั่งสามารถ วางแผนการเงิน โดยจัดสรรรายได้ไปสู่แหล่งที่ถูกเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำกว่า ในขณะที่ผู้ที่มีรายได้หลักจากเงินเดือนไม่มีทางเลือกในการจัดการรายได้มากนัก ทำให้ต้องเผชิญกับอัตราภาษีสูงสุดที่ 35%
4. ถูกรางวัลสลาก
เงินรางวัลที่ได้จากสลากกินแบ่งรัฐบาล จะถูกหักภาษีในอัตรา 0.5% สำหรับสลากทั่วไป และ 1% สำหรับสลากการกุศล ณ จุดขึ้นรางวัล ถือเป็น Final Tax และไม่ต้องนำไปยื่นรวมกับรายได้อื่น




